การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเรียนรู้ในที่ทำงาน :

ลู่วิ่ง การออกกำลังกายโดยการวิ่งบนสายพาน เป็นการออกกำลังกายในร่มไม่ขึ้นกับสภาพอากาศ ใช้พื้นที่น้อย ใช้พลังงานมากใช้ในการลดน้ำหนักได้ดี การออกกำลังด้วย ลู่วิ่ง สามารถออกกำลัง โดยการเดินเร็วๆ หรืออาจจะวิ่งก็ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรง และเป็นเครื่องช่วยคาร์ดิโอที่ง่ายที่สุด

1. การเลือกจาก น้ำหนักตัว/มอเตอร์ น้ำหนักแต่ละคนไม่เท่ากันและน้ำหนักนั้นก็มีความสัมพันธ์กับมอเตอร์ของลู่วิ่งไฟฟ้าด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าสักเครื่องจำเป็นต้องดูมอเตอร์ของแต่ละเครื่องด้วยเพราะมอเตอร์จะมีกำลังแรงม้าเพื่อรองรับน้ำหนักแตกต่างกันค่ะ ถ้าเราเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวเราการทำงานของลู่วิ่งอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้าวิ่งอืดหรือสายพานกระตุก

2. การใช้งานกี่คน / และความถี่ในการใช้งาน หากคุณต้องการซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้าน การใช้งานบนลู่วิ่งไฟฟ้าจะได้ไม่เกิน 3 – 4 ชั่วโมงต่อวัน และควรพักเครื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เป็นการดูแลและรักษาเพื่อการใช้งานที่ยาวนานขึ้นค่ะ และหาก ซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าสำหรับใช้ฟิตเนส เครื่องจะถูกออกแบบมาเพื่อใช้รองรับการใช้งานที่หนักและต่อเนื่องได้ 10-12 ชั่วโมงต่อวัน

3. การเลือกจาก Brand สินค้า แบรนด์ขายเครื่องออกกำลังกาย ลู่วิ่งไฟฟ้าในท้องตลาดมีเยอะแยะมากมายดังนั้น ไม่ง่ายเลยที่ จะรู้ได้ว่า ลู่วิ่งไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี และคุ้มค่ากับการใช้งานของเราได้มากที่สุด แต่สิ่งที่เป็นหลักประกันถึงความน่าเชื่อของแบรนด์ได้นั้น ต้องเป็นยี่ห้อที่มีมาตรฐานการผลิต โดยดูได้จากจะมีใบรับรอง จากโรงงาน ,มีใบรับประกันสินค้าที่ระบุการรับประกันชัดเจน,ซื้อกับร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของยี่ห้อนั้นๆ และต้องมีการจดทะเบียนการค้าอย่างชัดเจน เพื่อความน่าเชื่อถือและความมั่นใจของเราในการส่งเคลมสินค้า

หาก ตัดสินใจซื้อเครื่องออกกำลังกายสักเครื่อง นอกจากเครื่องวิ่งไฟฟ้า ที่เหมาะ แล้ว การเลือกบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ผู้ผลิตลู่วิ่งไฟฟ้าเครื่องออกกำลังกาย มีบริการหลังการขายและบริการลูกค้าสัมพันธ์ การคืนเงินและการเปลี่ยนสินค้าให้กับลูกค้า วางใจได้ว่า จะได้รับสินค้าและการบริการที่ดีมีคุณภาพ

อัลตร้าฟอร์เมอร์ เทคโนโลยีช่วยกระชับผิวหน้า และสลายไขมันใต้ชั้นผิว ที่สามารถส่งพลังงานลงสู่ใต้ผิวทุกระดับชั้น สามารถผลิตคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเข้มข้นสูง ที่เรียกว่า Micro & Macro Focused Ultrasound MMFU ให้สามารถปล่อยพลังงานไปยังตำแหน่งความลึกที่ต้องการได้อย่างจำเพาะเจาะจง และลงลึกได้ทุกระดับผิว มีความปลอดภัยไม่กระทบต่อผิวหนัง ไม่มีแผลหลังการรักษา และไม่ต้องพักฟื้น

การทำ อัลตร้าฟอร์เมอร์ ช่วยอะไรบ้าง
– ช่วยลดปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย
– กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
– ลดเหนียง ลดริ้วรอย
– ปรับรูปหน้า และเก็บกรอบหน้าให้กระชับ
– ผลลัพธ์หลังการรักษา มีระยะเวลานาน 8 -12 เดือน

ขั้นตอนรักษา
การยกกระชับใบหน้าหรือลำคอ ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 – 20 นาที
ขณะทำการรักษา เมื่อปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ MMFU ลงสู่เนื้อเยื่อใต้ผิว คนไข้จะรู้สึกเหมือนสัมผัสหนามเล็กๆ ลงบนผิว และรู้สึกถึงความอุ่นที่ใต้ผิวหนัง
หลังรับการรักษา บางรายผิวจะแดงขึ้นเล็กน้อย แต่จะหายได้เองภายในไม่เกิน 1 – 2 ชั่วโมง และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

อัลตร้าฟอร์เมอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย หนังตาตกหรือต้องการยกแนวคิ้วให้ชัดเจน รวมไปถึงต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยเป็นV-shape สำหรับปัญหาที่ว่ามาหากยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะทำให้รักษายากและมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามมาด้วย

กาลเวลาทำให้ใบหน้าที่เคยเรียวกระชับได้รูป หย่อนคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แถมมาด้วยริ้วรอยอีกมากมาย กลายเป็นความกังวลที่แก้ไม่ตก แต่มีนวัตกรรมที่ช่วยยกกระชับให้ผิวเรียบตึง รวมไปถึงปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือศัลยกรรมแต่อย่างใด

ต่อภาษีรถยนต์ประจำปี (ป้ายวงกลม) มีกี่วิธีและต้องเตรียมอะไรบ้าง?

รถยนต์ทุกคันมีอายุทะเบียนที่อนุญาตให้ขับขี่ได้เพียง 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหนก็ตามทั้ง รถเก๋ง รถตู้ รถแวน รถปิคอัพ ฯลฯ ล้วนจะต้องชำระเป็นค่าภาษีเป็นประจำปีทุกๆ ปี หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ป้ายวงกลม” หรือ “ป้ายภาษี” ทีนี้เราจะมาดูกันว่า เมื่อถึงกำหนด เราต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้างในการต่อทะเบียน และเสียภาษีรถยนต์ประจำปี อีกทั้งมีกี่วิธีที่จะสามารถทำได้ โดยใช้หลักฐาน ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ถ้ามี), หลักฐานการเอาประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่ยังไม่สิ้นอายุ, ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป

กลุ่มรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี (นับตั้งแต่วันจดทะเบียน)
สำหรับรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี ไม่ติดแก๊ส นับตั้งแต่วันจดทะเบียน (ได้ป้ายขาว) นะครับ อย่าไปจำเป็นวันที่ซื้อล่ะ ถือว่ารถที่อยู่ในกลุ่มนี้สะดวกสบายที่สุดเพราะไม่มีอะไรยุ่งยาก สามารถนำเล่มทะเบียนสีฟ้าหรือว่ารถที่ผ่อนกับไฟแนนซ์ก็ใช้สำเนาเล่มทะเบียน โดยถ่ายด้านรายละเอียดเลขตัวถัง ทะเบียนและชื่อเจ้าของรถ สามารถนำไปต่อภาษีได้เลย และอย่าลืมแนบส่วนหาง พ.ร.บ. ไปด้วยนะครับ

ส่วนถยนต์ที่มีอายุจดทะเบียนไม่เกิน 7 ปี แต่มีการติดตั้งพลังงานทางเลือกทั้งระบบแก๊ส LPG หรือ NGV หากมีการดัดแปลงและแจ้งการติดตั้งกับกรมขนส่งบันทึกลงในสมุดคู่มือทะเบียนรถไว้แล้วนั้น หากเป็นระบบถัง LPG ควรตรวจสอบระบบบรรจุก๊าซทุก 5 ปี และระบบ NGV/CNG ควรตรวจทุก 1 ปี ตามกรมการขนส่งทางบกกำหนด ส่วนตัวถังบรรจุแก๊สระบบ LPG ทุก 10 ปี และ NGV ทุก 5 ปี เป็นต้น โดยที่ในส่วนของตัว “รถ” นั้น “ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพเพื่อขอใบรับรองใดๆ” และอย่าลืมหลักฐานการทำ พ.ร.บ. แนบไปด้วย
หรือ อาจจะไปใช้บริการตรวจสภาพเอกชน ที่มีขั้นตอนการตรวจสอบระบบแก๊สในสถานประกอบการเอกชนหรือ ตรอ. ที่ได้รับอนุญาตจากกรมขนส่ง มีวิศวกรออกใบรับรองอย่างถูกต้องเท่านั้น โดยจะตรวจสอบระบบการทำงานทั่วไป, ตรวจสอบความพร้อมของชุดจ่ายแก๊ส, ตรวจสอบอายุถังบรรจุแก๊ส, ตรวจสอบระบบบรรจุแก๊ส

กลุ่มรถที่มีอายุเกิน 7 ปี (นับตั้งแต่วันจดทะเบียน)
ในกลุ่มรถยนต์มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี แต่ไม่มีการติดตั้งแก๊ส เพียงแค่นำรถไปตรวจสภาพความพร้อมในการใช้งานกับสถานประกอบการเอกชนหรือ ตรอ. ที่ได้รับอนุญาตจากกรมขนส่ง หรือนำรถเข้าไปตรวจสภาพที่กรมขนส่งโดยตรงได้เช่นกัน และอย่าลืมแนบหลักฐานการทำ พ.ร.บ.ไปด้วย
ส่วนรถยนต์มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี ที่ติดตั้งแก๊ส นอกจากต้องตรวจสภาพกับ ตรอ.แล้ว จำเป็นต้องนำรถไปตรวจสอบระบบแก๊สด้วย ตามหลักเกณฑ์เดียวกับรถไม่เกิน 7 ปี นั่นคือ อายุการติดตั้งระบบแก๊สนับจากวันที่ระบุไว้ รวมถึงถังบรรจุแก๊สด้วย เมื่อตรวจสอบทุกอย่างครบก็สามารถนำรถเข้าไปต่อทะเบียนได้เลย โดยอย่าลืมพ.ร.บ.แนบไปด้วย
การตรวจสภาพรถเกิน 7 ปี นั้นมีรายละเอียดคร่าวๆ คือ การตรวจสอบระบบไฟฟ้ารถยนต์ทั้งระบบ เช่น ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอยหลัง ไฟหน้าปัด ต้องติดครบ ระบบเบรกต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยจะมีเครื่องทดสอบการห้ามล้อที่พื้น เพียงนำรถขับลงไปและเบรก คอมพิวเตอร์ก็จะแสดงผลแรงเบรกเป็นตัวเลขซึ่งต้องอยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมถึงเบรกมือต้องใช้งานได้ด้วย เป็นต้น

คิดว่าหลาย ๆ คนคงมียี่ห้อของผงโกโก้อยู่ในใจกันแล้ว แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจ เรามาดูหลักการในการเลือกซื้อผงโกโก้กันสักหน่อย เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นจะซื้อผงโกโก้ทั้งที่ ต้องดูที่อะไรบ้าง

เลือกซื้อผงโกโก้แบบดัตช์หรือแบบธรรมชาติ
ก่อนอื่นเลย ผงโกโก้นั้นมี 2 แบบ ที่คนนิยมทานกัน แนะนำว่า ถ้าเป็นคอโกโก้ตัวจริง ต้องลองซื้อทั้งสองแบบมาทาน จะได้รู้ไปเลยว่าชอบแบบไหนมากที่สุด แต่ถ้าไม่อยากซื้อทั้งสองแนะนำให้เลือกซื้อแบบดัตช์ เพราะจะมีรสชาติของโกโก้ที่เข้มข้นมากกว่าและกลมกล่อมมากกว่าแบบธรรมชาติ แต่ถ้าจะซื้อเพื่อเอามาทำขนมให้มีชั้นดูสูงหรือหนา เช่น เค้ก คุกกี้ แนะนำว่าให้ซื้อแบบธรรมชาติ

อยากได้รสชาติโกโก้อย่างแท้จริงต้องเลือกซื้อแบบโกโก้แท้ 100 %
สายดื่มโกโก้ตัวจริง ถ้าอยากได้รสชาติที่แท้จริงของโกโก้แล้ว เราแนะนำว่าให้เลือกซื้อโกโก้แท้แบบ 100 % ไม่แนะนำให้เลือกซื้อแบบผสมสารเพิ่มเติมอื่น ๆ มาทาน เช่น น้ำตาล หรือครีมเทียม เพราะจะทำให้รสชาติของโกโก้นั้นเปลี่ยนไป อีกอย่าง ถ้าได้ลองดื่มโกโก้แบบ 100 % แล้วคิดว่ารสชาติยังไม่ถูกปาก สามารถเติมน้ำตาลเองได้ อยากได้ถูกใจขนาดไหน จัดไปได้เลย

อย่าลืมดูเปอร์เซ็นต์ปริมาณไขมันของผงโกโก้ด้วย
โกโก้ร้อนที่ชงขึ้นมาหรือขนมต่าง ๆ ที่ทำออกมาด้วยผงโกโก้จะอร่อยหรือไม่อร่อย ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของผงโกโก้ แน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์ปริมาณไขมันที่สูงกว่า ย่อมให้รสชาติที่ดีกว่า เพราะว่าไขมันช่วยเสริมรสชาติและความสมบูรณ์ของช็อกโกแลต นึกภาพง่าย ๆ เวลาเราทานอาหารแห้ง ๆ ไม่มีไขมัน กับอาหารที่ดูอวบอิ่มสวยงามมีไขมันอยู่บ้าง ผงโกโก้ก็เช่นเดียวกัน และไขมันนี่เองที่ทำให้ขนมต่าง ๆ เช่น เค้ก ดูน่าทาน ไม่แห้ง ๆ แข็งกระด้าง แต่ผงโกโก้ที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูงกว่า ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงด้วย

ชีวิตเร่งรีบ ลองเลือกซื้อผงโกโก้แบบซองสำเร็จรูป
กาแฟยังมีกาแฟซองสำเร็จรูปแบบ 3 in 1 ทางโกโก้เอง เขาก็มีเช่นกัน โดยโกโก้แบบซองเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ต้องการความสะดวกสบายในชั่วโมงเร่งด่วน เพียงแค่ฉีกซอง เทน้ำร้อน คนให้เขากัน แค่นี้ก็ได้ดื่มด่ำกับโกโก้ดี ๆ สักแก้วแล้วและไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือครีมเทียมให้ยุ่งยาก เพราะทางแบรนด์เขาได้คิดสูตรมาให้เสร็จสรรพแล้วว่า แบบนี้แหละอร่อยที่สุด

โภชนาการและประโยชน์ของการทานผงโกโก้
ผงโกโก้ที่ได้จากกระบวนการผลิตที่ไม่เพิ่มเติมสารใด ๆ ไม่มีรสชาติหวาน ที่ 1 ช้อนโต๊ะ จะให้แคลอรีเพียงแค่ประมาณ 12 แคลอรีเท่านั้น และไขมันก็น้อยกว่า 1 กรัม คนที่กลัวอ้วนสามารถทานโกโก้ได้อย่างไร้กังวล แต่ต้องระวังแคลอรี่เพิ่มเพราะการเติมน้ำตาล นมข้นหวาน และครีมเทียมกันมากกว่า

นอกจากเรื่องแคลอรี่แล้ว ผงโกโก้ยังให้ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี และแมงกานีส แก่ร่างกายอีกด้วย เพิ่มเติมด้วยใยอาหารอีก 2 กรัม ต่อ 1 ช้อนโต๊ะ ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และที่สำคัญยังมี Polyphenolic Flavonoids ที่ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลได้ สุดท้ายด้วยกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจด้วย

การเก็บรักษาผงโกโก้
ผงโกโก้มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนานประมาณ 1 ปี ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องวันหมดอายุ ซึ่งเรื่องที่ควรกังวลคือ เรื่องความชื้น แน่นอนว่า เครื่องดื่มชนิดผง ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือผงโกโก้เองก็ตาม จะแพ้ความชื้นหนักมาก ดังนั้นต้องเก็บไว้ในภาชนะที่มิดชิด ในถุงที่มีซิปล็อค หรือจะเก็บไว้ในกระป๋องแล้วปิดฝาก็ได้เช่นกัน จากนั้นนำไปไว้ที่แห้ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อับ และไม่ชื้น เก็บไว้ในตู้ลอยด้านบนก็เป็นความคิดที่ดี ส่วนความคิดที่จะนำผงโกโก้ไปแช่ตู้เย็น ให้เลิกคิดอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นละก็ ผงโกโก้จะจับตัวกันเป็นก้อนอย่างแน่นอน จนต้องทิ้งไป