บอกลากองเอกสารแสนรกไปได้เลยด้วยตู้เอกสาร

เชื่อว่าแทบทุกบ้านคงจะประสบปัญหาการจัดกับเอกสารในบ้านกี่ครั้ง ก็ดูเหมือนจะไม่จบไม่สิ้นสักที ทั้งจดหมาย บิลค่าใช้จ่าย ใบเสร็จต่างๆ ที่จัดใหม่กี่ครั้งก็กลับมาเป็นกองรกเหมือนเดิม แล้วยิ่งกับเอกสารสำคัญที่คิดว่าเก็บดีแล้ว แต่ก็ลืมว่าเอาไปวางไว้ตรงไหน ทำให้ต้องใช้เวลานานในการค้นหา หรือบางครั้งไปแจ้งหายพอได้เอกสารใหม่กลับมาหาอีกครั้งเจอขึ้นมาซะงั้น ทำให้เสียเวลา เสียเงิน แถมยังอารมณ์เสียอีกด้วย

บอกลากองเอกสารแสนรกไปได้เลยด้วยตู้เอกสาร วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ สำหรับการจัดเก็บเอกสารสำคัญในบ้านยังไงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อยากหยิบใช้เมื่อไหร่ก็หาเจอมาแนะนำ

รวบรวมเอกสารในบ้าน

อันดับแรกมองดูรอบๆ ตัวของคุณก่อนว่าเอกสารในบ้านทั้งหมดมีอะไรบ้างที่ปะปนกันอยู่ เช่น ทะเบียนบ้าน จดหมาย ใบปลิว บิลค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ แล้วรวบรวมเอกสารทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกันและจัดเป็นหมวดหมู่ไว้คร่าวๆ สะดวกต่อการคัดแยก

จัดประเภทของเอกสาร

แบ่งประเภทของเอกสารทั้งหมดให้เป็นหมวดย่อย โดยอาจแยกออกเป็นเอกสารสำคัญ เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาชื้อขาย ทะเบียนบ้าน กรมธรรม์ประกันชีวิต และเอกสารหมุนเวียน เมื่อจัดเรียงแยกประเภทแล้วเอามาจัดเรียงตามวันที่และเวลาอีกครั้ง เพื่อให้หาได้ง่ายเมื่อจำเป็นต้องใช้ เช่น จดหมาย ใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้า,น้ำประปา, โทรศัพท์ และใบแจ้งหนี้

เลือกไว้เฉพาะเอกสารที่จำเป็น

จดหมาย เอกสารจากธนาคาร เอกสารภาษี และบิลต่างๆ ที่จำเป็นต้องเก็บให้แยกไว้ ส่วนอันไหนที่ไม่จำเป็นก็ทิ้งไป เพื่อลดจำนวนเอกสารในบ้าน เช่นเดียวกับกองหนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ต่างๆ อาจเลือกเฉพาะส่วนที่ต้องการ หรือเก็บไว้เฉพาะบางเล่ม ก็จะเป็นการช่วยประหยัดพื้นที่มากขึ้น

เลือกตัวช่วยในการจัดเก็บ

เมื่อแยกเอกสารออกไว้เป็นหมวดหมู่แล้ว มองหาตัวช่วยอย่างแฟ้มเอกสาร กล่อง หรือตู้เก็บเอกสาร ที่จะช่วยจัดเก็บเอกสารได้อย่างเป็นระเบียบ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและนำไปใช้ ควรแยกให้ชัดเจนว่าแฟ้มไหนเป็นเอกสารหมวดอะไร ถ้าจำนวนเอกสารเยอะมากกว่าหนึ่งแฟ้มอาจใช้วิธีแยกหมวดแฟ้มด้วยสีต่างๆ รวมไปถึงใช้ปากกาเขียนชื่อหมวดกำกับไว้จะช่วยให้หยิบใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

จัดเอกสารให้เข้าที่

จัดเก็บเอกสารโดยเรียงลำดับตามการใช้งาน ถ้าเป็นเอกสารที่ใช้บ่อยควรเก็บไว้ให้เป็นที่และหยิบใช้งานได้ง่ายเรียงลำดับไปจนถึงเอกสารที่ไม่ค่อยได้ใช้ อาจเก็บไว้ด้านล่างสุด บนสุด หรือในสุดของตู้ เช่น เอกสารที่เกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านควรเก็บไว้ให้สามารถหาออกมาใช้สะดวก ส่วนเอกสารสำคัญต่างๆ ควรจัดเก็บไว้ในตู้หรือลิ้นชักที่สามารถล็อคได้ และจะต้องมีความแข็งแรง ป้องกันแมลงเพื่อไม่ให้เอกสารถูกทำลายเสียหาย

ฝึกนิสัยการจัดระเบียบ

ทางที่ดีที่สุดในการจัดการเอกสารให้หาเจอง่าย อยากใช้เมื่อไหร่ก็หาเจอคือ สร้างนิสัยการจัดระเบียบ เมื่อได้รับเอกสารมาใหม่ให้จัดการเลยในทัน อย่างจดหมายก็เปิดอ่านเลย ใบเสร็จรับเงินถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ทิ้งได้ หรือหาเวลาหนึ่งวันในสัปดาห์มาจัดเอกสารต่างๆ เข้าแฟ้มให้เรียบร้อย จากขั้นตอนเหล่านี้ถ้าทำเป็นประจำก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องปวดหัวเวลาจะหยิบใช้เอกสาร

ประกันรถยนต์คือค่าใช้จ่ายของรถใหม่ที่ต้องรู้

ประกันรถยนต์คือค่าใช้จ่ายของรถใหม่ที่ต้องรู้

ค่าพ.ร.บ. และประกันรถยนต์

สำหรับค่า พ.ร.บ. จะอยู่ที่ประมาณ 600-1,200 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับว่ารถยนต์คันแรกของคุณมีการจดทะเบียนใช้งานประเภทไหน ส่วนค่าประกันรถยนต์ ในรถยนต์ออกใหม่แบบนี้ จะต้องเป็นประกันชั้น 1 อยู่แล้ว ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 12,000 บาทต่อปี ถือว่าเป็นการซื้อความคุ้มครอง ที่ทำเอาคนเพิ่งอยากจะมีรถหลาย ๆ คนท้อเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อรถในช่วงที่มีโปรโมชั่นแถมฟรีประกันภัยชั้น 1

ค่าต่อทะเบียนรายปี

ค่าต่อทะเบียนรายปี อยู่ที่ประมาณ 1,500 – 3,000 บาทต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าราคานี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ของรถที่คุณซื้อมา ดังนั้นริจะขับรถใหญ่ เครื่องแรงพลังม้า ก็ต้องหาเงินมาต่อทะเบียนแพงกว่ารถเล็กนะจ้ะ

ค่าบำรุงรักษารถ

ค่าบำรุงรักษารถเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยจริง ๆ ไหนจะต้องเอารถไปเช็กระยะ ปรับเปลี่ยนอะไหล่ตามเวลาที่กำหนด เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่นับรวมค่าล้างรถ ทำความสะอาดรถประจำเดือนที่คนรักรถคงต้องทุ่มให้กับส่วนนี้ไม่น้อย

ค่าเปลี่ยนยาง

ค่ายางรถยนต์ ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี หรืออาจจะอยู่ที่ระยะการใช้งาน 50,000 กิโลเมตร ซึ่งราคาก็อยู่ที่ 10,000 -20,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือก และลักษณะยางรถยนต์ที่เหมาะกับการขับขี่ของคุณ หากขับรถลุย ๆ ออกต่างจังหวัดถี่ ๆ อาจจะถึงรอบต้องเปลี่ยนไวกว่าคนที่ขับขี่ในเมือง

ค่าน้ำมัน

ค่าน้ำมันรถก็คือรายจ่ายที่มากับรถตั้งแต่วันแรกที่ขับออกจากศูนย์จำหน่ายเลยล่ะ บางคนเติมทุกวัน ทุกสัปดาห์ ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของถังน้ำมัน และการใช้งานของคุณเอง โชคดีหน่อยที่รถยนต์สมัยนี้มีระบบเชื้อเพลิงทางเลือกมาให้ ถ้าสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว ก็ยังไปเติมก๊าซ หรือชาร์จพลังไฟฟ้าได้ฟรี ๆ ตามศูนย์การค้าชั้นนำ

ค่าจิปาถะอื่น ๆ

ค่าจิปาถะที่ว่าก็เป็นค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณต้องเสียไปกับรถยนต์ เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน ซึ่งหากเอามารวม ๆ กับในแต่ละเดือนแล้วก็อาจจะอยู่ที่หลักพันต้น ๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและเส้นทางที่คุณขับขี่ด้วย

เทคนิคเลือกชุดว่ายน้ำ แบบเซฟๆ

เทคนิคเลือกชุดว่ายน้ำ แบบเซฟๆ ที่ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหน ก็มั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถใส่ชุดว่ายน้ำตัวที่คุณซื้อมาได้สวย แถมยังจะช่วยพรางหุ่นให้ดูเพรียวและมีสัดส่วนมากขึ้นอีกด้วย กับ 4 วิธีการเลือกชุดว่ายน้ำ แบบง่ายๆ ที่จะไม่ทำให้คุณเสียเงินซื้อชุดฟรีแน่นอน

1. เว้าด้านข้าง

หากคุณเลือกชุดว่ายน้ำที่มีการเว้าข้าง นั่นจะช่วยเผยช่วงข้างลำตัว ทำให้ดูไม่ตัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชุดที่เว้า 2 ข้าง หรือ เว้าเพียงข้างเดียว ก็แนะนำให้เลือกแบบที่เว้าเป็นทรง 3เหลี่ยมเข้าหาตัว หรือจะเว้าแบบโค้งๆ ก็ได้ เพราะนั่นจะช่วยหลอกตาให้ดูเหมือนว่าหุ่นของคุณนั้นดูมีส่วนเว้นส่วนโค้งมากขึ้น หากเลือกแบบที่เว้าลงมาเป็นเส้นตรง อาจจะทำให้หุ่นของคุณดูตันและตรงเอาเสีย

2. กางเกงทรงไฮคัท

เชื่อไหมว่า ต่อให้คุณจะมีท่อนขาที่ใหญ่ เจ้าเนื้อ หรืออะไรก็ตาม การเลือกใส่ชุดว่ายน้ำที่มีกางเกงเป็นทรงไฮคัทนั้นเริ่ดที่สุด ไม่ต้องกลัวนะคะว่ามันจะเป็นการเผยต้นขาให้ใครเห็น กลับกันเสียอีก เพราะถ้าหากคุณเลือกชุดว่ายน้ำที่ปิดต้นขาของคุณมา ด้วยความที่ผ้าของชุดว่ายน้ำจะเป็นแนบเนื้อและเข้ารูป กลายเป็นว่าส่วนต้นขาของเราจะถูกเน้น ทำให้ดูแน่นดูตันไปหมด

ลักษณะของกางเกงทรงไฮคัท คือด้านข้างของกางเกงจะเว้าขึ้นสูงกว่าปกติ ซึ่งนั่นจะทำให้ขาของคุณดูยาวขึ้น และไม่มีอะไรมารัดต้นขาของคุณให้ดูแน่น ที่สำคัญยังทำให้ช่วงตัวของคุณดูยาวขึ้นด้วย

3. เว้าข้างหน้าเป็นตัว V หรือ คอ V

เช่นเดียวกับที่กล่าวไปข้างต้น ว่าการใส่ชุดว่ายน้ำที่มีส่วนเว้า จะช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูไม่ตัน คราวนี้ลองเลือกแบบที่เว้าข้างหน้าดูบ้าง นอกจากจะดูเผ็ดแซ่บมากขึ้นแล้ว ยังช่วยหลอกตาให้หน้าท้องของคุณดูแบนราบขึ้นด้วย เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่มีพุง
เทคนิคเลือกชุดว่ายน้ำ
ถ้ายังเขินๆ ที่จะโชว์เนื้อหนัง ลองเลือกแบบที่ส่วนเว้าเป็นผ้าตาข่ายก็ได้นะ ก็ได้รู้สึกว่ามันไม่โล่งเกินไป
ถ้ามั่นใจหน่อยก็จัดแบบที่เว้าเต็มๆ แบบนี้ไปเลย

หรือถ้าหากเป็นชุดบีกินี่ ลองเลือกแบบที่ช่วงคอเป็นตัว V ดูก็ได้นะ รับรองว่าใส่แล้วดูเพรียวกว่าแบบที่บราเป็นทรงตรงๆ แน่นอน เทคนิคนี้นำไปใช้กับชุดวันพีชได้เหมือนกันนะ

4. เปิดหลังลึกเป็นตัว U หรือ ตัว V

การเลือกชุดว่ายน้ำที่เปิดหลังลึกเป็นลักษณะเหมือนตัว U หรือ ตัว V จะต่างกับการใส่บิกินี่ที่เปิดหลังทั้งแผ่น ตรงที่จะช่วยทำให้ช่วงตัวของคุณดูแคบและแบนขึ้น สาวๆ ที่มีช่วงตัวกว้าง หรือค่อนข้างหนา แนะนำให้เลือกชุดว่ายน้ำแบบนี้เลยจ้า

สำหรับสาวๆ ที่ก้นแบน ก็สามารถเลือกชุดว่ายน้ำลักษณะนี้มาใส่ได้เหมือนกันนะ เพราะมันจะช่วยน้ำให้บั้นท้ายของคุณดูกลมเด้งมากขึ้นด้วย